ป้องกันไม่ให้เป็นโรคซึมเศร้า
ในโลกเรานี้มีโรคเจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ นานาร้อยแปดพันเก้านับไม่ถ้วน
โรคซึมเศร้าก็เป็นโรคหนึ่งที่เป็นกันมาก
ถ้าสังเกตรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม ไม่มีความสุข ซึมเศร้า จิตใจหม่นหมองหดหู่ ไม่มีความสดชื่นเบิกบาน หมดความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งที่เคยชอบ อยากอยู่เฉย ๆ เงียบ ๆ คนเดียว ไม่อยากวิสาสะกับใคร เบื่อหน่ายท้อแท้ บางครั้งก็รู้สึกสิ้นหวัง ชีวิตไม่มีคุณค่า เห็นตนเป็นภาระของผู้อื่น
ความรู้สึกเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือตลอดเวลา ถ้ารุนแรงมากก็อาจถึงกับเบื่อชีวิตคิดอยากตาย หรือคิดจะฆ่าตัวตายเกิดขึ้น
ถ้าตัวเราเองมีความรู้สึกเหล่านี้ แสดงว่าเราถูกโรคซึมเศร้าคุกคามเข้าแล้ว
แต่โรคซึมเศร้านี้ใช่ว่าจะเป็นกันทุกคน แม้ว่าเราจะเคยว้าเหว่ เคยโศกเศร้าเสียใจ เคยวิตกกังวล ไม่สบายใจเพราะสาเหตุต่าง ๆ ชั่วคราวในเวลาสั้น ๆ แล้วก็หายไป เรายังมีความมั่นใจในการต่อสู้กับชีวิตหรือปัญหาอื่น ๆ ได้ต่อไป เช่นนี้ก็ไม่ใช่โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าพบได้ทุกวัย ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกชาติศาสนา อายุที่เป็นบ่อยจะเป็นในช่วงอายุ 20-40 ปีขึ้นไป ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุทุกเพศ
อาการของโรคซึมเศร้าแสดงออกหลายด้าน
ด้านอารมณ์-----เศร้า ท้อแท้ หดหู่ ไม่มีความสุข ไม่สดชื่นเบิกบาน บางคนหงุดหงิดง่าย โกรธง่ายด้วย
ด้านความคิด-----สมาธิไม่ดี ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจเอง มองโลกแง่ร้าย เห็นตนเองไร้ค่า สร้างภาระให้คนอื่น รู้สึกหมดหวัง บางคนเบื่อชีวิต เบื่อที่จะสู้ชีวิตต่อไป คิดอยากตาย อยากฆ่าตัวตายก็มี
ด้านร่างกาย-----เบื่ออาหาร หรือกินจุ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว นอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ หลับไม่สนิท ฝันร้าย บ้างก็หลับมาก ปวดตามร่างกายที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ความต้องการทางเพศลดลง บางรายเพิ่มขึ้นแต่ไม่ค่อยพบ อ่อนเพลีย ล้า ไม่มีแรง
ด้านพฤติกรรม-----แยกตัวเองออกไปอยู่เงียบ ๆ กระสับกระส่าย ควบคุมตนเองได้ น้อยลง เริ่มดื่มสุรา สูบบุหรี่ ใช้ยานอนหลับหรือแก้ปวด ทำให้ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดเข้าใจผิดว่าเพื่อเรียกร้องความสนใจที่แท้เป็นอาการป่วย
สาเหตุของภาวะซีมเศร้า ทางร่างกาย โรคทางกายหลายโรคจะมีอาการซึมเศร้าเกิดร่วมด้วย เช่นโรคของต่อมไทรอยด์ โรคมะเร็งที่ตับอ่อน โรคสมองเสื่อม โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน โรคพาร์กินสันเป็นต้น ยาหรือสารบางอย่างจะทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ เช่นกลุ่มยารักษาความดันโลหิตสูง กลุ่มรักษาโรคมะเร็ง กลุ่มรักษากระเพาะอาหาร กลุ่มยาขับปัสสาวะ กลุ่มยานอนหลับ กลุ่มยาแก้ปวด ส่วนสาเหตุทางจิตใจ การขาดหรือน้อยลงของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง การสูญเสียสิ่งที่รัก ทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์ ปรับตัวไม่ได้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความเศร้า ท้อแท้ หมดหวัง ไม่อยากต่อสู้ ขาดความมั่นใจในการดำเนินชีวิตต่อไป จึงทำให้เสียการทำหน้าที่ด้านอื่น ๆ ไปด้วย และไม่สามารถจะดำเนินชีวิตตามปกติได้
มีจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอวิธีแก้หรือลดโรคซึมเศร้าไว้หลายข้อดังต่อไปนี้
1.อย่าตั้งเป้าหมายการทำงานและปฏิบัติตัวที่ยากหรือรับผิดชอบที่มากเกินไป
2.แยกแยะปัญหาใหญ่ให้เป็นส่วนย่อย พร้อมทั้งจัดเรียงความสำคัญก่อนหลัง และทำเท่าที่สามารถทำได้ อย่าฝืน
3.อย่าพยายามบังคับตนเอง หรือตั้งเป้าตนเองสูงเกินไป เพราะอาจจะไปเพิ่มความรู้สึกล้มเหลวในภายหลัง
4.พยายามทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ดีกว่าอยู่ตามลำพัง
5.เลือกทำกิจกรรมที่สร้างความรู้สึกดีขึ้น หรือที่เพลิดเพลินไม่หนักเกินไป เช่นการออกกำลังเบา ๆ ชมภาพยนตร์ ฟังเพลงเป็นต้น
6.อย่าตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตมาก ๆ เช่นลาออกจากงาน แต่งงาน หย่าร้าง โดยไม่ได้ปรึกษาใครเลยที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ ถ้าเป็นไปได้และดีที่สุด คือเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกว่าอาการป่วยจะหายหรือดีขึ้นมากแล้ว
7.อย่าตำหนิหรือโทษตัวเองที่ไม่สามารถทำตามที่คิดได้ ควรทำเท่าที่สามารถทำได้ก็พอแล้ว
8.อย่ายอมรับว่าความคิดแง่ร้ายที่เกิดขึ้นเวลาป่วยว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตน ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของอาการป่วย สามารถจะหายได้เมื่อรักษา
9.ขณะที่ป่วยอยู่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใกล้ชิด อย่าให้เข้าใจว่าเป็นการแสร้งทำเพื่อขอความเห็นใจ จะกลายเป็นการซ้ำเติมโดยไม่ตั้งใจ จึงควรระวังให้มาก
ถ้าสามารถทำตามข้อเสนอแนะนี้ได้ ก็สามารถจะป้องกันหรือลดอาการโรคซึมเศร้าให้เบาบางลงได้ และจะค่อย ๆ หายไป
แต่มีข้อเสนอจากจิตแพทย์เช่นกันว่า ภาวะซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ หรือเกิดจากจุดอ่อนที่เป็นคนไม่อดทนไม่ต่อสู้ หรือไม่ได้เกิดจากความเซ็ง และไม่ใช่ว่าจะเกิดได้ง่ายนัก มันเป็นภาวะการป่วยจริง ๆ ทางจิตใจ ถ้ามีอาการเกิดขึ้น ควรรีบไปพบจิตแพทย์ ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ โปรดระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีคำว่าสายในการเอาชนะภาวะหรือโรคซึมเศร้า ถ้าได้รับการรักษาถูกวิธี เพื่อที่จะได้กลับมามีความปกติสุขเหมือนเดิม!
ป้องกันไว้ก่อนแก้ จะดีกว่าอื่น!
โรคซึมเศร้าก็เป็นโรคหนึ่งที่เป็นกันมาก
ถ้าสังเกตรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม ไม่มีความสุข ซึมเศร้า จิตใจหม่นหมองหดหู่ ไม่มีความสดชื่นเบิกบาน หมดความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งที่เคยชอบ อยากอยู่เฉย ๆ เงียบ ๆ คนเดียว ไม่อยากวิสาสะกับใคร เบื่อหน่ายท้อแท้ บางครั้งก็รู้สึกสิ้นหวัง ชีวิตไม่มีคุณค่า เห็นตนเป็นภาระของผู้อื่น
ความรู้สึกเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว หรือตลอดเวลา ถ้ารุนแรงมากก็อาจถึงกับเบื่อชีวิตคิดอยากตาย หรือคิดจะฆ่าตัวตายเกิดขึ้น
ถ้าตัวเราเองมีความรู้สึกเหล่านี้ แสดงว่าเราถูกโรคซึมเศร้าคุกคามเข้าแล้ว
แต่โรคซึมเศร้านี้ใช่ว่าจะเป็นกันทุกคน แม้ว่าเราจะเคยว้าเหว่ เคยโศกเศร้าเสียใจ เคยวิตกกังวล ไม่สบายใจเพราะสาเหตุต่าง ๆ ชั่วคราวในเวลาสั้น ๆ แล้วก็หายไป เรายังมีความมั่นใจในการต่อสู้กับชีวิตหรือปัญหาอื่น ๆ ได้ต่อไป เช่นนี้ก็ไม่ใช่โรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าพบได้ทุกวัย ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกชาติศาสนา อายุที่เป็นบ่อยจะเป็นในช่วงอายุ 20-40 ปีขึ้นไป ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุทุกเพศ
อาการของโรคซึมเศร้าแสดงออกหลายด้าน
ด้านอารมณ์-----เศร้า ท้อแท้ หดหู่ ไม่มีความสุข ไม่สดชื่นเบิกบาน บางคนหงุดหงิดง่าย โกรธง่ายด้วย
ด้านความคิด-----สมาธิไม่ดี ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจเอง มองโลกแง่ร้าย เห็นตนเองไร้ค่า สร้างภาระให้คนอื่น รู้สึกหมดหวัง บางคนเบื่อชีวิต เบื่อที่จะสู้ชีวิตต่อไป คิดอยากตาย อยากฆ่าตัวตายก็มี
ด้านร่างกาย-----เบื่ออาหาร หรือกินจุ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว นอนไม่หลับ หลับ ๆ ตื่น ๆ หลับไม่สนิท ฝันร้าย บ้างก็หลับมาก ปวดตามร่างกายที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง ความต้องการทางเพศลดลง บางรายเพิ่มขึ้นแต่ไม่ค่อยพบ อ่อนเพลีย ล้า ไม่มีแรง
ด้านพฤติกรรม-----แยกตัวเองออกไปอยู่เงียบ ๆ กระสับกระส่าย ควบคุมตนเองได้ น้อยลง เริ่มดื่มสุรา สูบบุหรี่ ใช้ยานอนหลับหรือแก้ปวด ทำให้ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดเข้าใจผิดว่าเพื่อเรียกร้องความสนใจที่แท้เป็นอาการป่วย
สาเหตุของภาวะซีมเศร้า ทางร่างกาย โรคทางกายหลายโรคจะมีอาการซึมเศร้าเกิดร่วมด้วย เช่นโรคของต่อมไทรอยด์ โรคมะเร็งที่ตับอ่อน โรคสมองเสื่อม โรคเส้นเลือดในสมองอุดตัน โรคพาร์กินสันเป็นต้น ยาหรือสารบางอย่างจะทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ เช่นกลุ่มยารักษาความดันโลหิตสูง กลุ่มรักษาโรคมะเร็ง กลุ่มรักษากระเพาะอาหาร กลุ่มยาขับปัสสาวะ กลุ่มยานอนหลับ กลุ่มยาแก้ปวด ส่วนสาเหตุทางจิตใจ การขาดหรือน้อยลงของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง การสูญเสียสิ่งที่รัก ทำให้เกิดความเครียดทางอารมณ์ ปรับตัวไม่ได้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อให้เกิดความเศร้า ท้อแท้ หมดหวัง ไม่อยากต่อสู้ ขาดความมั่นใจในการดำเนินชีวิตต่อไป จึงทำให้เสียการทำหน้าที่ด้านอื่น ๆ ไปด้วย และไม่สามารถจะดำเนินชีวิตตามปกติได้
มีจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอวิธีแก้หรือลดโรคซึมเศร้าไว้หลายข้อดังต่อไปนี้
1.อย่าตั้งเป้าหมายการทำงานและปฏิบัติตัวที่ยากหรือรับผิดชอบที่มากเกินไป
2.แยกแยะปัญหาใหญ่ให้เป็นส่วนย่อย พร้อมทั้งจัดเรียงความสำคัญก่อนหลัง และทำเท่าที่สามารถทำได้ อย่าฝืน
3.อย่าพยายามบังคับตนเอง หรือตั้งเป้าตนเองสูงเกินไป เพราะอาจจะไปเพิ่มความรู้สึกล้มเหลวในภายหลัง
4.พยายามทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น ดีกว่าอยู่ตามลำพัง
5.เลือกทำกิจกรรมที่สร้างความรู้สึกดีขึ้น หรือที่เพลิดเพลินไม่หนักเกินไป เช่นการออกกำลังเบา ๆ ชมภาพยนตร์ ฟังเพลงเป็นต้น
6.อย่าตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญต่อชีวิตมาก ๆ เช่นลาออกจากงาน แต่งงาน หย่าร้าง โดยไม่ได้ปรึกษาใครเลยที่สามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ ถ้าเป็นไปได้และดีที่สุด คือเลื่อนการตัดสินใจออกไปจนกว่าอาการป่วยจะหายหรือดีขึ้นมากแล้ว
7.อย่าตำหนิหรือโทษตัวเองที่ไม่สามารถทำตามที่คิดได้ ควรทำเท่าที่สามารถทำได้ก็พอแล้ว
8.อย่ายอมรับว่าความคิดแง่ร้ายที่เกิดขึ้นเวลาป่วยว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตตน ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของอาการป่วย สามารถจะหายได้เมื่อรักษา
9.ขณะที่ป่วยอยู่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใกล้ชิด อย่าให้เข้าใจว่าเป็นการแสร้งทำเพื่อขอความเห็นใจ จะกลายเป็นการซ้ำเติมโดยไม่ตั้งใจ จึงควรระวังให้มาก
ถ้าสามารถทำตามข้อเสนอแนะนี้ได้ ก็สามารถจะป้องกันหรือลดอาการโรคซึมเศร้าให้เบาบางลงได้ และจะค่อย ๆ หายไป
แต่มีข้อเสนอจากจิตแพทย์เช่นกันว่า ภาวะซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากคิดขึ้นมาเอง ไม่ได้เกิดจากความอ่อนแอ หรือเกิดจากจุดอ่อนที่เป็นคนไม่อดทนไม่ต่อสู้ หรือไม่ได้เกิดจากความเซ็ง และไม่ใช่ว่าจะเกิดได้ง่ายนัก มันเป็นภาวะการป่วยจริง ๆ ทางจิตใจ ถ้ามีอาการเกิดขึ้น ควรรีบไปพบจิตแพทย์ ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ โปรดระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีคำว่าสายในการเอาชนะภาวะหรือโรคซึมเศร้า ถ้าได้รับการรักษาถูกวิธี เพื่อที่จะได้กลับมามีความปกติสุขเหมือนเดิม!
ป้องกันไว้ก่อนแก้ จะดีกว่าอื่น!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น